Social Impact Footprint
ในปี พ.ศ. 2568 สถาบันไทยพัฒน์ ได้ริเริ่มการดำเนินงานวิจัยการประเมินผลกระทบทางสังคมผ่านเครื่องมือรอยเท้าผลกระทบทางสังคม (Social Impact Footprint: SIF) ของภาคธุรกิจที่สอดคล้องกับมาตรฐานการรายงาน GRI
เครื่องมือ SIF ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนที่คำนึงถึงมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามหลักการไตรสังสิทธิ (Triple-bottom line) โดยตัวเครื่องมือจะเน้นการวัดผลลัพธ์ที่เป็นบรรทัดสุดท้ายของกิจการในด้านสังคมเป็นหลัก
การดำเนินงานวิจัยดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวสนับสนุนกิจการที่มีการดำเนินโครงการพัฒนาสังคม ให้สามารถประเมินผลกระทบทางสังคมในหน่วยมูลค่าทางการเงิน (Monetary Value) ในรูปแบบเชิงปริมาณ
โดยชุดตัวบ่งชี้การดำเนินงานที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย Social Impact Footprint (จำนวนคน) Investment per Headcount (จำนวนเงินต่อหัว) Net Equity Value (มูลค่าเงินทุนสุทธิ) ที่สามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำไปสู่การยกระดับผลกระทบเชิงบวก และการปรับปรุงโครงการพัฒนาสังคม ตลอดจนสามารถขยายไปสู่การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสังคมที่สอดรับกับมาตรฐานการรายงาน GRI ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ
เครื่องมือ SIF ถูกออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนที่คำนึงถึงมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามหลักการไตรสังสิทธิ (Triple-bottom line) โดยตัวเครื่องมือจะเน้นการวัดผลลัพธ์ที่เป็นบรรทัดสุดท้ายของกิจการในด้านสังคมเป็นหลัก
การดำเนินงานวิจัยดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายที่จะใช้เครื่องมือดังกล่าวสนับสนุนกิจการที่มีการดำเนินโครงการพัฒนาสังคม ให้สามารถประเมินผลกระทบทางสังคมในหน่วยมูลค่าทางการเงิน (Monetary Value) ในรูปแบบเชิงปริมาณ
โดยชุดตัวบ่งชี้การดำเนินงานที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย Social Impact Footprint (จำนวนคน) Investment per Headcount (จำนวนเงินต่อหัว) Net Equity Value (มูลค่าเงินทุนสุทธิ) ที่สามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำไปสู่การยกระดับผลกระทบเชิงบวก และการปรับปรุงโครงการพัฒนาสังคม ตลอดจนสามารถขยายไปสู่การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินเกี่ยวกับสังคมที่สอดรับกับมาตรฐานการรายงาน GRI ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของกิจการ